วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

การหมักเอนไซม์ด้วยผลไม้


ขั้นตอนการหมักเอนไซม์ด้วยผลไม้

กรรมวิธีหรือขั้นตอนการหมักเอนไซม์จากผลไม้

โดยชมรมบ้าน(รักษ์)สุขภาพ




(ภาพประกอบจากการปฏิบัติจริง)



ขั้นตอนแรก

เตรียมผลไม้ เพียง 1 ชนิดสำหรับใช้หมักทำน้ำเอนไซม์จากผลไม้

เคล็ดลับ ควรเลือกผลไม้เนื้อขาว จะให้สารอาหารมาก และกระบวนการหมักจะสมบูรณ์ดี เช่น แอปเปิล, กล้วยหอม, องุ่น, ส้มโอ เป็นต้น

ข้อควรระวัง
1. ผลไม้ที่นำมาใช้ควรเป็นผลไม้สุกเท่านั้น เพราะผลไม้ดิบจะทำให้เกิดเมทานอลที่เป็นอันตรายต่อร่างกายสูง

2. ไม่ควรหมักทุเรียน เพราะจะเกิดก๊าซมาก และเกิดการระเบิดได้

3. ผลไม้จำพวกมะม่วงสุก สับปะรด มะเขือเทศ ถ้านำมาหมักจะเกิดก๊าซมาก ต้องระวังเป็นพิเศษ

หมายเหตุ

ผลไม้ทุกชนิด ควรแช่ในน้ำเอนไซม์แช่ผักไว้อย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนำมาหมัก โดยใช้อัตราส่วนน้ำเอนไซม์แช่ผัก 1 ฝา ผสมกับน้ำสะอาด 3 ลิตร แช่ผลไม้ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมงก่อนนำมาใช้




ขั้นตอนที่ 2

เทน้ำผึ้งความชื้นต่ำ (20%) จำนวน 1 กิโลกรัม (780 ml.) ลงไปในแกลลอนขนาด 5 ลิตร ที่เตรียมไว้ แล้วเติมน้ำสะอาดลงไปให้ท่วมน้ำผึ้ง เขย่าให้เข้ากัน

เคล็ดลับ การหมักเอนไซม์ผลไม้สำหรับดื่ม ควรใช้น้ำผึ้งเท่านั้น เพราะน้ำผึ้งมีฮอร์โมนเอสโตรเจน ที่คงความอ่อนเยาว์ให้กับผู้รับประทาน อีกทั้งยังมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายมากกว่าน้ำตาล

หมายเหตุ
สามารถใช้น้ำอ้อยแทนน้ำผึ้งได้ แต่ต้องเพิ่มปริมาณให้มากขึ้น อีกทั้งจะได้สารอาหารน้อยกว่าน้ำผึ้ง แต่ไม่ควรใช้น้ำตาล เพราะจะทำให้กระบวนการหมักเกิดแอลกอฮอล์ได้มากกว่าน้ำผึ้ง และเป็นอันตรายต่อไต




ขั้นตอนที่ 3

การหั่นผลไม้ที่ใช้ในการหมัก โดยหั่นให้มีขนาดเล็กพอสมควร (หากสับหรือบดใส่ จะทำให้เกิดตะกอนในปริมาณมาก และยากต่อการแยกน้ำเอนไซม์และกากออกจากกัน)

เคล็ดไม่ลับ

1. หากพบผลไม้ที่ช้ำหรือมีส่วนที่เน่าเล็กน้อยไม่ต้องหั่นทิ้ง สามารถใช้หมักได้เลย ไม่เปลื้อง และทำให้กระบวนการหมักเกิดได้เร็วด้วย

2. ผลไม้ที่สุกจนงอม เหมาะมากในการหมักเพราะจะทำให้ได้สารอาหารสูง อีกทั้งกระบวนการหมักเกิดขึ้นได้เร็วขึ้น เนื่องจากในเนื้อผลไม้มีเอนไซม์อยู่จำนวนมาก และเนื้อผลไม้ก็พร้อมที่จะสลายเป็นสารอาหารแล้ว

 

ขั้นตอนที่ 4

ใส่ผลไม้ที่หั่นแล้วลงไปในแกลลอนที่มีน้ำผึ้งที่ละลายน้ำอยู่ใส่ลงไปให้ได้ 1/3 ของแกลลอน ไม่ต้องใส่เยอะเกินไป

เคล็ดไม่ลับ

ควรหมักเอนไซม์โดยใช้ผลไม้เพียงชนิดเดียว เพื่อให้ได้เอนไซม์เข้มข้นหรือหัวเชื้อของผลไม้ชนิดนั้น แต่ถ้าต้องการกินเอนไซม์จากผลไม้หลาย ๆ ชนิด เมื่อหมักจนครบ 4 ปี ขึ้นไป ให้นำน้ำเอนไซม์จากผลไม้แต่ละชนิดมาผสมกัน โดยเราต้องการสรรพคุณอย่างไร ก็เลือกเอาเอนไซม์ที่มีสรรพคุณนั้นเป็นหลัก โดยใช้อัตราส่วน เอนไซม์หลัก 40% ส่วนตัวอื่น ๆ ก็แล้วแต่ 10% หรือ 5% เป็นต้น






ขั้นตอนที่ 5

เติมน้ำสะอาดให้ท่วมผลไม้ และเหลือช่องว่างไว้ด้านบนประมาณ 2 ข้อนิ้ว (ดังรูป) แล้วปิดฝาให้สนิท จะเขย่าให้เข้ากัน หรือไม่ก็ได้

หลังจากนั้นติดชื่อชนิดของผลไม้ วันที่ทำการหมัก และวันที่จะครบอายุ 6 เดือน


ขั้นตอนที่ 6

การหมักเอนไซม์ เราจะเก็บไว้ในที่ร่ม ลมพัดผ่านได้ ไม่อับ โดยจะทำการหมักทิ้งไว้ 6 เดือน

ในช่วงเดือนแรก ต้องมาเปิดฝาเพื่อระบายแก๊ซออกทุก ๆ 1 -2 วัน

ในช่วงเดือนที่สอง เปิดฝาระบายแก๊ซออกทุก ๆ 3 - 4 วัน

พอครบ 6 เดือน นำมาขยายต่อเป็นหัวเชื้อ ดังนี้



การขยายหัวเชื้อ

ขวดบน คือขวดที่หมักครบ 6 เดือน นำมาถ่ายน้ำเอนไซม์ออกใส่ขวดใหม่ โดยวิธีลักน้ำ (ใช้สายยาง)

สำหรับขวดเดิม (เหลือผลไม้และน้ำเอนไซม์เล็กน้อย) ให้เติมน้ำผึ้งละไปประมาณ 1/2 ลิตร และเติมน้ำลงไปจนเต็ม เหลือช่องว่างไว้ 2 ข้อนิ้ว หมักต่อไปอีก 6 เดือน (จนครบ 3 ครั้ง)

****ครั้งสุดท้าย ให้หมักทิ้งไว้จนครบ 6 ปี จึงนำมากรองผสมน้ำรับประทาน เป็นยอด น้ำพลังเอนไซม์บำบัด

สำหรับขวดใหม่ (ที่แบ่งน้ำเอนไซม์ออกมาได้ 1/3 หรือเกือบครึ่งขวด) ให้เติมน้ำผึ้ง 1/2 ลิตร และเติมน้ำลงไปจนเต็ม เหลือช่องว่างไว้ 2 ข้อนิ้ว หมักต่อไปอีก 6 เดือน (จนครบ 3 ครั้ง)

ทำต่อไปเรื่อย ๆ จนแกลลอนไหนหมักครบ 4 - 6 ปี แล้วจึงค่อยนำมารับประทานได้


อัตราส่วนในการหมักน้ำเอนไซม์ตามหนังสือ ซึ่งสำหรับปฏิบัติจริงก็ดูในเวปค่ะ อาจต่างกันบ้างไม่ต้องงงนะค่ะ เพราะอัตราส่วนเป็นการประมาณการณ์ไม่ต้องตรงมากก็ได้ เพราะธรรมชาติไม่เที่ยง ไม่แน่นอนค่ะ


เคล็ดไม่ลับ

การหมักเอนไซม์สำหรับรับประทาน หากหมักเกิน 6 ปี ขึ้นไป พบว่าขนาดของโมเลกุลของสารอาหารจะมีขนาดเล็กมาก ซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้อย่างรวดเร็ว และพบปริมาณของแอลกอฮอล์น้อยมาก อีกทั้งยังเป็นแอลกอฮอล์ชนิดออร์แกนิคแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

ปล. หากไม่ต้องการหมักผลไม้ใหม่ ก็สามารถนำหัวเชื้อน้ำพลังเอนไซม์สูตรเข้มข้นไปใช้หมักเพิ่มและเก็บไว้กินได้ โดยไม่จำเป็นต้องกรอง เพราะจะมีความขุ่นน้อยกว่าการหมักด้วยหัวเชื้อที่ทำจากผลไม้ตรง


แบบเข้มข้น สำหรับขยายต่อไปเรื่อย ๆ ได้ 3 ครั้ง คือ

หัวเชื้อ ต่อ น้ำผึ้ง ต่อ น้ำสะอาด ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ต่อ 1 ส่วน ในขวดขนาด 1 ลิตร
หมักนาน 3 เดือน แล้วนำไปต่อได้ หรือนำไปหมักกับผลไม้เป็นหัวเชื้อได้

แบบสำหรับรับประทาน คือ

หัวเชื้อ ต่อ น้ำผึ้ง ต่อ น้ำสะอาด ในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ต่อ 5 ส่วน ในขวดขนาด 5 ลิตร
  • หมักนาน 15 วัน รับประทานได้ทันที
  • หมักต่อไปจนครบ 6 เดือน นำไปขยายได้
  • หมักต่อไป 6 ปี โดยเติมน้ำผึ้งทุก ๆ 6 เดือน หรือทุก 1 ปี จนได้ยอดน้ำพลังเอนไซม์บำบัด

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น